มณฑลทหารบกที่ 41 เรียกตัว ‘ชาวบ้านราไวย์-เอ็นจีโอ’ 12 คน พบปะสอบถามข้อมูล ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิฯ กสม.วอนนายกฯ ระงับวิธีการเรียกตัวชาวบ้านเข้าค่ายทหาร หวั่นสร้างความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แนะให้ความเป็นธรรมชาวเลราไวย์ ด้านที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอทช์ ทวีตคนทำร้ายชาวบ้านหาดราไวย์ยังลอยนวล แต่ทหารเรียกชาวเล-เอ็นจีโอ 12 คนเข้าค่าย
22 เม.ย. 2559 จากกรณี มีหนังสือเรียกชาวเลราไวย์ จ.ภูเก็ต ไปพบที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในวันนี้ (22 เม.ย. 2559) เพื่อสอบถามข้อมูลหรือถ้อยคำอันเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ โดยอ้างคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ระบุว่าการข่าวชี้เป็นแกนนำชาวชุมนุมขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. (คลิกอ่าน: หนังสือด่วนมาก! เรียกชาวราไวย์พบที่ค่ายทหาร อ้างการข่าวชี้แกนนำชุมนุมผิดคำสั่ง คสช.)
สำนักข่าวชายขอบ รายงานว่า เตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน ป่าไม้และที่ดิน แถลงข่าวก่อนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการละเมิดสิทธิ์ที่บ้านทุ่งปาคา อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ถึงกรณีดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่ชุมชนราไวย์ได้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันหลายครั้งระหว่างนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของที่ดินและชาวเลที่ออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิของชุมชน
เตือนใจกล่าวว่า การออกมาปกป้องสิทธิในที่ดินของชุมชนหาดราไวย์เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2553 ที่ให้คุ้มครองวิถีชีวิตชาวเล ซึ่งขณะนี้หลายฝ่ายกำลังร่วมกันพิสูจน์กรณีความขัดแย้งเรื่องที่ดินของชุมชนราไวย์ โดยที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานโดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่าชาวเลอยู่ในที่ดินราไวย์มานานนับร้อยปี
ดังนั้น จึงอยากเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้ช่วยระงับการกระทำในลักษณะนี้ เพราะเกิดเหตุการณ์เรียกแกนนำชาวบ้านไปยังค่อยทหารบ่อยครั้งขึ้น เช่น ที่ จ.ระยอง ซึ่งจะทำให้ตอกย้ำถึงความไม่เป็นธรรมที่ชาวบ้านได้รับ
“ดิฉันอยากขอร้องให้ช่วยกันคืนความสงบสู่ประชาชนด้วย โดยต้องอำนวยความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน และหาทางแก้ไขปัญหาความทุกข์ที่พวกเขาได้รับ แต่ไม่ใช่เรียกตัวแกนนำชาวบ้านไปในค่ายทหารแล้วสั่งให้ยุติ เพราะการกระทำเช่นนี้ยิ่งจะก่อให้เกิดความเดือนร้อนทุกหย่อมหญ้า มิใช่การคืนความสุขให้กับประชาชนเหมือนที่ คสช.เคยประกาศไว้ตั้งแต่เมื่อเข้ามา” เตือนใจ กล่าว
เตือนใจ กล่าวอีกว่า อาจเป็นเพราะนักธุรกิจที่ดินที่อ้างกรรมสิทธิในผืนดินที่ขัดแย้งกับชาวบ้านต้องการเร่งรีบดำเนินกิจการ แต่ชาวบ้านไม่ยินยอม จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกันอยู่ ดังนั้นสิ่งที่ คสช.หรือมณฑลทหารบกที่ 41 ควรทำคือร่วมหาทางออกให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ โดยชาวบ้านเพียงแต่ต้องการเส้นทางสาธารณะที่เดินไปสู่บาลัย หรือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา รวมทั้งพื้นที่จอดเรือที่หลบมรสุม ซึ่งเป็นวิถีที่ชาวเลราไวย์ดำเนินมาช้านาน
สำนักข่าวชายขอบรายงานด้วยว่า ตามรายชื่อที่มณฑลทหารบกที่ 41 จะเรียกตัวไปพบปะสอบถามข้อมูลนั้น มีด้วยกันทั้งหมด 12 คน แต่ขณะนี้ได้ส่งหนังสือไปถึงเจ้าตัว 6 คน ทั้งนี้ล่าสุดชาวบ้านได้ขอเลื่อนการเข้าพบออกไปซึ่งทางมณฑลทหารบกที่ 41 ได้นัดใหม่เป็นวันที่ 10 พ.ค. 2559
ด้านสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์วอทช์ ประจำประเทศไทย ก็ได้ทวีตข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่าน @sunaibkk ระบุ “คนทำร้ายชาวบ้านหาดราไวย์ยังลอยนวล ทหารเรียกชาวเล-เอ็นจีโอ 12 คนเข้าค่าย ม.ทบ.41 หาว่าเป็นแกนนำชุมนุม-ขัดคำสั่ง คสช.” พร้อมภาพรายชื่อผู้เรียกพบทั้ง 12 ซึ่งประกอบด้วยทั้งชาวบ้านและเอ็นจีโอ
author
