25 เม.ย. 2559 กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ออกแถลงการณ์ “ด้วยสองมือเปล่า จักยืนหยัดสู้อำนาจไม่ชอบธรรม” ต่อกรณีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย กรณีโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานีซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยแถลงจุดยืนไม่ยอมรับผลของการจัดเวทีในครั้งนี้ และยืนยันจุดยืนในการต่อสู้เรียกร้องต่อโครงการเหมืองแร่โปแตชและอำนาจที่ไม่เป็นธรรมจนถึงที่สุด
พร้อมระบุขอบคุณกลุ่มชาวบ้าน ที่ร่วมกันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดเวลา 15 ปี ท่ามกลางการสูญเสียและหลายคนที่ยังหยัดยืนต่อสู้ไม่ทอดทิ้งกัน อย่างเข้มแข็งและมั่นคง ขอบคุณสายธารน้ำใจจากกัลยาณมิตรทั่วทุกสารทิศที่ส่งแรงใจ พลังใจมาร่วมต่อสู้
“พลังใจของคนจนผู้ทุกข์ยากที่สื่อด้วยหัวใจถึงหัวใจ เป็นพลังใจสำคัญ ที่ทำให้พวกเราลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจไม่ชอบธรรมอย่างมั่นคงแข็งแกร่งทั้งในวันนี้และวันหน้า เราจะสู้ด้วยสองมือเปล่า เดินตะโกนหาความชอบธรรม ด้วยสองมือและสองตีนที่จักรวมพลังกันให้แน่นแฟ้นมากขึ้น” แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์ “ด้วยสองมือเปล่า จักยืนหยัดสู้อำนาจไม่ชอบธรรม” จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 เม.ย.59 ในเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย กรณีโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานีซึ่งจัดขึ้นที่โรงเรียนโนนสูงพิทยาคาร ตำบลโนนสูง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ภาพที่ปรากฎและพฤติกรรมที่แสดงออก ตอกย้ำ “รัฐทาสทุน” ได้เป็นอย่างดี ระหว่างความกลมเกลียวของกลุ่มการเมืองในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านกลไกรัฐ ที่ง่อยเปลี้ยเสียขา สมัครสมานกันอุ้มชูนายทุนเหมือง ร่วมกันกดหัวชาวบ้านให้ยอมรับโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการตอกย้ำ ถึงการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมมากระทำกับชาวบ้านที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตชมากว่า 15 ปี มาด้วยสองมือเปล่า และสิ่งที่เกิดขึ้นประจักษ์ชัดว่า ทั้งรัฐและทุนผนึกกำลังกันและมีสรรพกำลังทุกอย่างในการดำเนินการกับชาวบ้านคนยากคนจนยกเว้น “ความชอบธรรม” กล่าวได้ว่าเวทีประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นที่เกิดขึ้น จึงเป็นเพียงพิธีกรรมอำพราง หวังเพียงสร้างความชอบธรรมในทางกฎหมายที่เปิดช่องโหว่ เพื่อนำไปสู่กระบวนการขอประทานบัตรต่อไปในอนาคตอันใกล้ โดยไม่อินังขังขอบกับการแสวงหาความถูกต้องชอบธรรมให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในนามของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริง โดยเฉพาะ การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกองกำลังอาวุธครบมือ ของ ทหาร ตำรวจ ในนามเจ้าหน้าที่รัฐ และใช้อำนาจอันไม่ชอบธรรม ข่มขู่ คุกคาม มากระทำกับชาวบ้านในพื้นที่ที่คัดค้านโครงการอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการจัดเวทีดังกล่าว ได้มีการเข้าไปประกบติดตามแกนนำถึงที่บ้าน โทรศัพท์สอบถามข้อมูลการเคลื่อนไหวเป็นระยะ รวมทั้งให้ข่าวใส่ร้ายป้ายสีแก่กลุ่มนักศึกษาและกลุ่ม/เครือข่ายชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆ ว่าจะมาก่อความวุ่นวายล้มเวทีอีกด้วย รวมทั้งในวันที่จัดเวทีแสดงความคิดเห็น ก็มีการกะเกณฑ์คนจากนอกพื้นที่ขอบเขตเหมืองให้เข้าไปนั่งในห้องประชุมจนทำให้ผู้มีส่วนได้เสียที่แท้จริงเป็นจำนวนมากถูกเบียดขับออกมาอยู่ภายนอก ขณะที่รอบนอกเวทีรายล้อมไปด้วยรถห้องขังที่มาจอดเตรียมการ มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ขนกันมาทั่วทั้งจังหวัด มากกว่า 1,000 คน ทั้งทหาร ตำรวจ และอส.เพื่อคอยคุ้มกันเวที และรับมือกับชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่มีเพียงสองมือเปล่าขณะที่บนเวทีระหว่างดำเนินการแสดงความคิดเห็น มีฝ่ายข้าราชการกับนายทุนเหมืองพูดให้ข้อมูลสนับสุนนโครงการด้านเดียวพยามทุกวิถีทางเพื่อให้เวทีเสร็จสิ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมิสนใจเนื้อหาสาระ หรือคำนึงถึงสาระสำคัญแท้จริงของการกระบวนการทำประชาพิจารณ์ หรือ การมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ปิดหูปิดตาถูลู่ถูกังเวทีให้จบสิ้นตามกระบวนการจอมปลอม โดยไม่ยอมฟังเสียงอีกด้านของกลุ่มชาวบ้านที่แสดงความเห็นคัดค้าน หรือนำเสอข้อมูลอีกด้านถึงความไม่ชอบมาพากล นอกเหนือจากข้อมูลด้านเดียวของกลุ่มทุนเหมือง ทั้งนี้ โครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี ถือได้ว่ามีความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านในพื้นที่กับนายทุนเหมืองมาตลอดระยะเวลา 15 ปี โดยเฉพาะในช่วงเวลาเกือบ 2 ปี ที่รัฐบาล คสช.เข้ามาปกครองประเทศ โครงการเหมืองแร่โปแตชถูกหยิบยกขึ้นมาผลักดันอย่างเร่งด่วนในนามของการพัฒนาเศรษฐกิจกล่าวอ้างความชอบธรรมของรัฐบาลในการเร่งรีบดำเนินการขุดทรัพยากรแร่ที่เป็นทรัพยากรมีค่าชิ้นสุดท้ายของประเทศ ที่ยังไม่ถูกถลุงโดยรัฐบาลที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าเร่ใส่พานให้กับนายทุนเหมือง แน่นอนว่านี้คือพฤติกรรมใช้อำนาจ “ยัดเยียดความทุกข์ให้กับประชาชน คืนความสุขให้กับนายทุนเหมือง” อย่างเบ็ดเสร็จภายใต้การออกกฎหมายกดหัวประชาชนไว้ไม่ให้ส่งเสียงคัดค้านหรือต่อต้าน แม้ว่านักวิชาการจะนำเสนอข้อมูลผลได้ผลเสียตามหลักวิชาการ, ชาวบ้านในพื้นที่มีข้อเรียกร้องและคัดค้านตามขั้นตอนในกฎหมายแร่กำหนด แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา หรือดำเนินการรับฟังอย่างจริงจังจริงใจ ซ้ำยังเดินหน้ากระบวนการอนุญาตประทานบัตร จนมาถึงเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นเวทีสุดท้ายก่อนที่จะมีการพิจารณาให้ใบอนุญาตฯ ต่อไป จากเหตุการณ์ที่ดำเนินมาจนถึงขณะนี้ ท่ามกลางความขัดแย้ง และการใช้อำนาจทุกวิถีทาง เพื่อดำเนินโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี ดังนั้นแล้ว รัฐบาลที่อ้างว่าจะมาคืนความสุขให้กับประชาชน ยังยืนยันว่า จะให้ประทานบัตรโครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี ท่ามกลางความวุ่นวายที่ส่อเค้ารุนแรงในอนาคตอันใกล้อย่างนี้หรือ? และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐจะไม่ตอกย้ำความเป็นรัฐทาสทุนให้ความชอบธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวทีรับฟังความคิดเห็นด้านเดียวครั้งนี้ โดยอ้างความชอบธรรมว่าดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายเสร็จสิ้น ขณะเดียวกันก็ไม่ควรอาศัยอำนาจครอบจักรวาลอย่าง ม.44 มาเปิดทางตัดปัญหาความขัดแย้งเปิดทางให้ดำเนินโครงการอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ ท้ายที่สุดนี้ “กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี” ขอแถลงจุดยืนไม่ยอมรับผลของการจัดเวทีในครั้งนี้ และยืนยันจุดยืนในการต่อสู้เรียกร้องต่อโครงการเหมืองแร่โปแตชและอำนาจที่ไม่เป็นธรรมจนถึงที่สุดและขอให้รัฐบาลตระหนักว่าการฟ้งความคิดเห็นเพียงด้านเดียว โดยเฉพาะด้านฝั่งนายทุน มิใช่เวทีประชาพิจารณ์ตามกฎหมาย แต่นี่คือ “เวทีสงครามประชาพิจารณ์ลายพราง” ภายใต้การกดขี่ข่มขู่และมองเห็นชาวบ้านเป็นศัตรู สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ให้กับนายทุนเหมือง และรัฐบาลที่คอยอุ้มชูนายทุนเหมืองอีกทอดหนึ่ง ในนามของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี เราขอขอบคุณกลุ่มชาวบ้าน ที่ร่วมกันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดเวลา 15 ปี ท่ามกลางพี่น้องของเราที่ต้องสูญเสียและหลายคนที่ยังหยัดยืนต่อสู้ไม่ทอดทิ้งกัน อย่างเข้มแข็งและมั่นคง เราขอขอบคุณสายธารน้ำใจจากกัลยาณมิตรทั่วทุกสารทิศ ที่ส่งแรงใจ พลังใจมาร่วมต่อสู้กับพวกเรา พลังใจของคนจนผู้ทุกข์ยากที่สื่อด้วยหัวใจถึงหัวใจ เป็นพลังใจสำคัญ ที่ทำให้พวกเราลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจไม่ชอบธรรมอย่างมั่นคงแข็งแกร่งทั้งในวันนี้และวันหน้า เราจะสู้ด้วยสองมือเปล่า เดินตะโกนหาความชอบธรรม ด้วยสองมือและสองตีนที่จักรวมพลังกันให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ด้วยความศรัทธาและกล้าหาญกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ขอบคุณการหนุนเสริมของกลุ่ม/องค์กร/เครือข่าย ภาคประชาชน นักศึกษา และสื่อมวลชน ที่ช่วยกันติดตามสถานการณ์รายงานข้อเท็จจริง และส่งกำลังใจมาให้อย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ในวันนี้จะเป็นตำนานให้ลูกหลานได้จดจำ…ที่ประชาชนผู้ทุกข์ยากลุกขึ้นท้าทายอำนาจด้วยสองมือเปล่า! ด้วยจิตคารวะ |