– 23 กันยายน 2558 –
ชุดเสื้อผ้าสวยๆ ของฉัน ถูกจัดตรียมไว้พร้อมเพื่อจะนำมาใส่ใน ‘วันอีดิ้ลอัฏฮา’ หรือเรียกย่อๆ ว่า ‘วันอีด’ ที่กำลังจะมาถึง…
บรรยากาศก่อนวันงานลูกๆ หลานๆ ที่เดินทางไปเรียนหนังสือหรือทำงานต่างจังหวัดจะเดินทางกลับบ้าน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวันสำคัญนี้ที่บ้าน ในแต่ละครอบครัวจะมีการรวมตัวกันทำขนมที่เห็นได้บ่อยครั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คือ ข้าวต้มมัด ขนมเทียน และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเตรียมรับแขกต่างบ้านที่จะมาเยือนในวันอีด
‘วันอีดิ้ลอัฏฮา’ ตรงกับวันที่ 10 เดือนซุลฮิญญะห์ตามฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) หรือวันที่ 24 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา คำว่า “อีดิ๊ลอัฎฮา” เป็นคำภาษาอาหรับ มาจากคำว่า อีด แปลว่า รื่นเริง เฉลิมฉลอง และ อัฎฮา แปลว่า เชือดสัตว์พลีทาน ดังนั้นวันอีดี้ิ๊ลอัฎฮาจึงหมายถึง วันเฉลิมฉลองการเชือดสัตว์เพื่อพลีทาน โดยส่งเสริมให้อิสลามทุกคนที่มีกำลังทรัพย์ทำการเชือดสัตว์ให้ทานแก่คนยากจนเป็นการทำบุญเพื่อรำลึกประวัติศาตร์แห่งความศรัทธาและเสียสละ
เนื่องจาก ตามประวัติศาสตร์อิสลามที่ปรากฎอยู่ในคัมภีร์กุรอาน อัลลอฮฺทรงต้องการที่จะทดสอบความศรัทธาของนบีอิบรอฮีม (หรืออับราฮัม) ดังนั้น คืนหนึ่งอัลลอฮฺจึงได้ทรงทำให้นบีอิบรอฮีมฝันว่า พระองค์ทรงมีบัญชาให้ท่านเชือดอิสมาอีลลูกชายของท่านเป็นการพลีถวายให้แก่พระองค์
นบีอิบรอฮีมจึงได้นำอิสมาอีลไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อทำตามคำสั่งของอัลลอฮฺ เมื่อมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งนบีอิบรอฮีมจะใช้เป็นที่เชือดบุตร และเตรียมจะลงมือเชือด อัลลอฮฺก็ทรงเห็นว่านบีอิบรอฮีมเป็นผู้ศรัทธาที่พร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์จริง พระองค์จึงได้มีบัญชาให้นบีอิบรอฮีมเชือดแกะหรือแพะแทนลูกชายของท่าน
การเชือดสัตว์พลีจึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกถือปฏิบัติอย่างหนึ่งในการประกอบพิธีฮัจญ์ที่เมืองมักกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบียใน ‘วันอีดิ้ลอัฏฮา’ เพื่อกระตุ้นให้มุสลิมได้รำลึกถึงวีระประวัติแห่งความศรัทธาต่อพระเจ้าและการเสียสละอันสูงส่งของนบีอิบรอฮีมและนบีอิสมาอีล เช่นเดียวกับการประกอบพิธีกรรม ‘วันอีดิ้ลอัฏฮา’ ของคนอิสลามในทุกๆ พื้นที่ของโลก
– 24 กันยายน 2558 –
ช่วงเช้าของ ‘วันอีดิ้ลอัฏฮา’ มุสลิมทุกคนจะแต่งตัวสวยงาม เรียบร้อยตามแบบฉบับอิสลาม พร้อมพรมน้ำหอมเล็กน้อย ก่อนออกมารวมตัวกันเพื่อละหมาดวันอีดพร้อมกันที่สนามใหญ่ในหมู่บ้านขอตัวเอง และร่วมกับฟังคุฏบะห์ (ปาฐกถาธรรม) โดยอิหม่ามหรือผู้รู้ของชุมชนด้วยความสงบเสงี่ยมและตั้งใจ
การมารวมตัวกันทำให้พวกเราได้พบปะญาติสนิทและผองเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานนับปี มีการพูดคุยสานความสัมพันธ์กันในชุมชน มีการยกมือสลามและกอดกันเพื่อให้อภัยแก่กันและกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพและความอิ่มเอมใจ
หลังจากการละหมาดช่วงเช้าเสร็จสิ้น แต่ละครอบครัวก็จะแยกย้ายกันไปทำพิธีอีกพิธีหนึ่งที่ถือว่ามีความสำคัญในวันอิดิ้ลอัฏฮา นั่นคือการเชือดสัตว์ (กุรบาน) ซึ่งตามบทบัญญัติสามารถทำได้ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันอีดิลอัฎฮา (หลังละหมาด) ไปจนถึงเวลาละหมาดอัสรี (ละหมาดช่วงเย็น) ของวันที่ 4 นับจากวันอีด รวมเป็นเวลา 4 วัน
ทั้งนี้ ตามความเชื่อระยะเวลาที่ดีเยี่ยมสำหรับเชือดกุรบานคือหลังจากเสร็จการละหมาดอีดิลอัฎฮาแล้ว และการเชือดควรให้เจ้าของเป็นผู้เชือดเอง หากจะมอบให้ผู้อื่นเชือดก็ควรดูการเชือดด้วย
‘วันอีดิ้ลอัฏฮา’ เป็นอีกหนึ่งวันในช่วงปีที่เครือญาติและคนในครอบครัวจะได้พบปะกัน โดยในช่วงบ่ายจนถึงค่ำพ่อแม่จะพาลูกๆ เดินทางไปเยี่ยมปู่ ย่า ตา ยาย หรือญาติๆ คนอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลในต่างจังหวัดหรือต่างอำเภอกัน เมื่อเด็กๆ ได้เจอกับญาติผู้ใหญ่ก็จะสลามพร้อมทั้งกอดหอมแก้ม แล้วผู้ใหญ่ก็จะแจกซองเงินให้แก่เด็กๆ จากนั้นในช่วงค่ำจะมีการปิ้งย่างเนื้อ และเฉลิมฉลองพร้อมกับญาติๆ
ในแต่ล่ะปี ชาวมุสลิมจะมีวันอีดหรือวันฮารีรายา (ภาษามลายู) ซึ่งครอบครัวจะได้มาเจอกันพร้อมหน้าและเฉลิมฉลองร่วมกัน 2 ครั้ง นั้นก็คือ ‘วันอีดิ้ลฟิตรี’ และ ‘วันอีดิ้ลอัฏฮา’ โดยวันอีดิ้ลฟิตรีนั้น มุสลิมจะร่วมกันเฉลิมฉลองหลังจากที่เสร็จสิ้นการถือศีลอดตลอดทั้งเดือนรอมฏอน ส่วนวันอีดิ้ลอัฏฮา คือวันที่อิสลาทั่วโลกไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครมักกะห์ ตามคำสั่งใช้ของพระเจ้า
… ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งของงานเฉลิมฉลองอีดิ้ลอัฏฮา บรรยากาศแห่งความสุข และรอยยิ้มที่สดใสในวันนั้นก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจพวกเราชาวมุสลิมอย่างไม่ลืมเลือน และรอคอยที่จะได้พบวันอีดอีกครั้งในปีหน้า