“ประเทศไทยคณะรัฐมนตรีมีมติในวันที่ 20 ตุลาคม 2541 จัดให้วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันออมแห่งชาติ” เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่าย เก็บออม และฟื้นฟู เศรษฐกิจ ของประเทศ ดังนั้น “วันออมแห่งชาติ” จึงมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2541 สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นใน “วันออมแห่งชาติ” นั้น ในแต่ละปีที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตลอดจนชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ภาคต่างๆ มักจะจัดกิจกรรมเชิญชวนให้ประชาชนมาฝากเงินในดอกเบี้ยอัตราพิเศษ พร้อมรับของที่ระลึก นอกจากนี้ก็มีการจัดงานนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ด้านการออม การประกวดคำขวัญ รวมทั้งกิจกรรมบันเทิงอีกมากมาย”
กระทรวงการคลัง กรุงเทพมหานคร / วันนี้ 31 ตุลาคม 2565 กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดงานมอบรางวัลส่งเสริมการออมกับ กอช. ยอดเยี่ยม เนื่องในวันออมแห่งชาติ” เพื่อเป็นการขอบคุณหน่วยงานและเครือข่ายที่ให้ความร่วมมือในการสนับสนุน และส่งเสริมการออม โดยมี นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการมอบรางวัล
ในการส่งเงินออมสะสมกับ กอช. เป็นการออมภาคสมัครใจ ไม่จำเป็นต้องออมเท่ากันทุกปีและรับเงินสมทบในเดือนถัดไป สะดวกที่ไหนออมได้ทุกที่ ซึ่งที่ผ่านมา กอช. ได้มีหน่วยรับสมัครและส่งเงินออมสะสมที่ อาทิ ที่ว่าการอำเภอครอบคลุมทุกพื้นที่ สำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทุกสาขา สหกรณ์ชุมชนที่เข้าร่วม และในครั้งนี้ กอช. ได้ยกระดับให้ประชาชนเข้าถึงการออมเพิ่มมากขึ้นในทุกชุมชน จึงได้ร่วมมือกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ในการให้บริการสมาชิก กอช. สะดวก สบายเพิ่มมากขึ้น ทั้งในการบริการตรวจสอบสิทธิ์ สมัครสมาชิกใหม่ ส่งเงินออมสะสมต่อเนื่อง และให้คำปรึกษาในการรับสิทธิประโยชน์ในการเป็นสมาชิก กอช. ด้วย
กอช. มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการสร้างหลักประกันที่มั่นคงในวัยเกษียณให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เริ่มต้นตั้งแต่อายุ 15 ปี จนเข้าสู่วัยทำงานถึงอายุ 60 ปี ออมขั้นต่ำเพียง 50 บาทต่อครั้ง สูงสุด 13,200 บาทต่อปี พร้อมรับสิทธิประโยชน์ในการเป็นสมาชิก กอช.สิทธิประโยชน์ที่ 1 รับเงินสมทบจากรัฐ ในแต่ละช่วงอายุของสมาชิก ในเดือนถัดไป ช่วงอายุ 15 – 30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีสูงสุด 600 บาท ช่วงอายุ >30 – 50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออมแต่ละครั้งโดยรวมกันทั้งปีสูงสุด 960 บาท ช่วงอายุ >50 – 60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีสูงสุด 1,200 บาท สิทธิประโยชน์ที่ 2 ผลตอบแทนของเงินที่นำไปลงทุน ทั้งในส่วนเงินออมสะสมและเงินสมทบและรัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนการลงทุน สิทธิประโยชน์ที่ 3 ลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนเงินออมสะสม
โดยในวันนี้มีหน่วยงานภาคีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เข้าร่วมรับรางวัลในครั้งนี้ด้วย โดยแบ่งเป็นรางวัลเกียรติยศ 9 รางวัล รางวัลระดับจังหวัด 13 รางวัล รางวัลระดับเครือข่าย 7 รางวัล รวมทั้งสิ้น 31 รางวัล โดยวัตถุประสงค์ของการมอบรางวัล เพื่อขอบคุณภาคีเครือข่ายส่งเสริมความร่วมมือให้คนไทยเข้าถึงการออม สร้างขวัญลกำลังใจให้กับหน่วยงานที่ร่วมผลักดันการออมร่วมกัน
ด้าน พอช. เข้ารับรางวัลในหมวดรางวัลเกียรติยศ มอบให้แก่บุคคลและหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนและส่งเสริมการออมเป็นที่ประจักษ์ โดยมีนางสาวเฉลิมศรี ระดากูล รองผู้อำนวยการ เป็นผู้แทนรับรางวัลให้กับหน่วยงานในครั้งนี้