ชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่อำเภอแม่สอดร่วมสืบสานประเพณีแห่สิงโต – มังกรประจำปี 2559

ชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่อำเภอแม่สอดร่วมสืบสานประเพณีแห่สิงโต – มังกรประจำปี 2559

ชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่อำเภอแม่สอดร่วมสืบสานประเพณีแห่สิงโต  มังกรประจำปี 2559

            คณะกรรมการแม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศลร่วมกับคณะกรรมการศาลเจ้าปุงเฒ่ากงม่า สืบสานประเพณีเชิดสิงโต แห่มังกร ประจำปี 2559 ซึ่งจะมีการจัดขึ้นทุกๆปีในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนโดยแบ่งขบวนแห่สิงโต – มังกรออกเป็น 6 ชุด เพื่อนำขบวนสิงโต – มังกรไปคาราวะยังบ้านเรือนที่พักอาศัยของชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่อำเภอแม่สอด ซึ่งประเพณีดังกล่าวมีตำนานความเป็นมา การเชิดสิงโตได้กล่าวว่า หลายร้อยปีมาแล้วได้มีสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่งตัวยาว 8  ฟุต มีหัวที่น่าเกลียดมาก  ได้มากินข้าวในนา   ที่มณฑลกวางตุ้งในวันตรุษจีน   ชาวบ้านจึง  ร่วมมือกันคิดหาวิธีขับไล่สัตว์ร้ายนั้นไป     โดยไม่คิดทำอันตรายแก่สัตว์ร้ายแต่อย่างใด     โดยนำเอาไม้ไผ่ทำเป็นโครง เอากระดาษสีปะสร้างเป็นรูปสิงโตขึ้นมา   แล้วให้ชาวบ้าน     หลบเข้าไปซ่อนอยู่ด้านในของสิงโตจำลอง  จวบจนถึงเวลากลางคืน    สิงโตที่ชาวบ้าน สร้างจำลองขึ้นมาได้ออกไปเผชิญหน้ากับสัตว์ยักษ์   สัตว์ยักษ์เมื่อได้เห็นสิงโตจำลองที่         กระโดดโลดเต้น   และมีเสียงดัง    อันเกิดจากการที่ชาวบ้านได้เอาเครื่องมือที่ใช้ในการ ทำครัวมาตีกระทบกัน  ทำให้สัตว์ยักษ์เกิดความหวาดกลัวหลบหนีไป  ชาวนาจึงไม่ถูก สัตว์ยักษ์มากินข้าวในนาของตนต่อไป  และเพื่อระลึกถึงบุญคุณของสิงโตจำลอง  พวก ชาวนาจึงจัดให้มีการเชิดสิงโตเป็นประจำทุกปีในช่วงตรุษจีน  ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า       การเชิดสิงโตอาจจะมีจุดกำเนิดมาจากเทศกาลตรุษจีน

                          ชนชาวจีนให้การนับถือสิงโตมาก    เพราะเชื่อว่า  สิงโตมีความศักดิ์สิทธิ์   ทั้งมี   อิทธิฤทธิ์ที่จะบันดาลโชคลาภมาให้    คอยช่วยปกป้องและปัดเป่าโพยภัยต่าง ๆ ไม่ให้มารังควานผู้คนได้  ด้วยเหตุนี้จึงถือได้ว่า  ประเทศจีนนั้นเป็นต้นกำเนิดตำนานในการ       เชิดสิงโต    ซึ่งตามตำนานของจีนกล่าวว่า    สิงโตและการเชิดสิงโตเกิดขึ้นในรัชสมัย         ของพระเจ้าเคี่ยนหลงกุน  หรือเคี่ยนล่งกุ๋น  หรือเคียนลุง  หรือ  เขียนหลง(หลี่ซื่อหมิน)      แห่งราชวงศ์ชิง หรือเช็ง  ซึ่งเสวยราชย์อยู่ระหว่างพ.ศ. 2297 – 2338(ตรงกับสมัยอยุธยา       ตั้งแต่ปีที่  5  แห่งรัชกาลของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ   จนถึงปีที่ 4   ในรัชกาลที่ 1  แห่ง     กรุงรัตนโกสินทร์ของประเทศไทย)ในวันหนึ่งขณะพระเจ้าเคี่ยนหลงกุ๋นหรือจักรพรรดิ       เฉียนหลงเสด็จออกท้องพระโรงมีข้าราชบริพารมาเข้าเฝ้าก็ได้เกิดเหตุการณ์  ท้องฟ้ามืด       สลัวลง  พร้อมกับปรากฏสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับสุนัขตัวใหญ่  มีขนปุกปุย ลอย         ลงมาจากก้อนเมฆทางทิศตะวันออก  ทั้งมีเสียงดนตรีประโคมกึกก้อง   สัตว์ประหลาด       ได้ลอยลงมาหยุดตรงหน้าที่ประทับ  แล้วหมอบลงก้มศีรษะทำความเคารพต่อพระองค์       3  ครั้ง   ก่อนลอยหายไปทางทิศเหนือ    หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้มีขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งได้กราบทูลว่าสัตว์ที่มาถวายบังคมต่อพระองค์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ  ที่ประกอบด้วย     มงคลอย่างสูง  มีนามว่า  สิงโต (หม่งไซ หรือ ไซ)   สัตว์ชนิดนี้ยากที่มนุษย์สามัญจะได้  พบเห็นแต่การที่สัตว์นั้นมาถวายมงคลพระองค์เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงบุญญานุภาพ    สิงโตจึงมาถวายบังคม  เพื่อมาแสดงความจงรักภักดี  และอวยพรแด่พระองค์   พระเจ้า เคี่ยนล่งกุ๋นได้ฟังก็เกิดปิติโสมนัส พร้อมตรัสสรรเสริญสิงโต  ต่อมาเมื่อราษฎรได้ทราบ      เหตุการณ์ดังกล่าว   ก็ได้พากันจัดหารูปสิงโตมาตั้งเคารพบูชาไว้ที่บ้านของตน   ต่อมา มีชาวจีนสกุลโง้ว(แซ่โง้ว) ได้คิดทำหัวสิงโตขึ้นมาใช้แทนสิ่งที่เคยลอยลงมาจากฟ้า หา เครื่องดนตรีประกอบให้มีที่เสียงเร้าใจ  ชวนให้สนุกสนาน  โดยใช้คนจับหัวเชิด  แสดงคาราวะต่อผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่   ถือว่าเป็นมิ่งมงคลแก่ผู้รับการคาราวะ  เปรียบเสมือน เป็นพระเจ้ากรุงจีน สิงโตจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา 

ส่วนประเพณีการแห่มังกรเริ่มมีขึ้นในราชวงศ์ฮั่น แรกเริ่มเดิมที่เป็นพิธีการบูชาบรรพบุรุษและภาวนาให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ต่อมาค่อยๆพัฒนาเป็นกิจกรรมบันเทิงที่นิยมชมชอบของชาวจีนทั่วประเทศ

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////

author

เรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง related posts

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ