นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีผู้คนทั่วโลกจับตามองมากที่สุดเพราะต่างฝ่ายต่างออกมาอ้างตนนั้นจะได้ดำรงเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศในเวลาอันใกล้นี้ แน่นอนว่าจะเลือกตั้งครั้งนี้ย่อมมีผลต่อชีวิตคนอเมริกาทั้งหมด รวมถึงชีวิตผู้ลี้ภัยในประเทศสหรัฐด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ชาวอเมริกันได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากและการเลือกตั้งย่อมมีอิทธิพลต่อการชีวิตของเขา วันนี้ Ms. Rebecca Jarvis หนึ่งในคนอเมริกันยินดีที่จะมาแบ่งปันเรื่องราวการเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2020 กับผลกระทบที่จะมีผลต่อชีวิตผู้ลี้ภัยในอเมริกันให้เราได้รู้กัน
Ms.Rebecca Jarvis เป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้แก่ผู้ลี้ภัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อนี้เธอเป็นครูสอนผู้ลี้ภัยในโรงเรียนสอนภาษาให้กับผู้ลี้ภัยมากกว่า 10 ปีแล้ว เธอมาจากมลรัฐ Minnesota หนึ่งในรัฐที่มีผู้ลี้ภัยเข้ามาอาศัยมากที่สุดในประเทศ
“การเลือกตั้งครั้งนี้มีผลต่อชีวิตผู้ลี้ภัยเป็นอย่างมากเพราะว่า ผู้ที่กำลังจะถูกเลือกเป็นประธานาธิบดีครั้งนี้ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นของผู้ลี้ภัยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรองผู้ลี้ภัยให้มีสถานะเป็นพลเมืองชั้นที่ 1 ใน สหรัฐ”
Ms.Rebecca Jarvis เล่าอีกว่าหลายปีมานี้เรามีปัญหาเรื่องการอพยพของคนต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก ทั้งคนที่เข้ามาแบบถูกและผิดกฎหมาย หากเราได้มีการแต่งตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในเร็ว ๆ นี้แน่นอนว่า ประเด็นของผู้ลี้ภัยนั้นจะต้องถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวอย่างแน่นอน ไม่ว่า Trump หรือ Joe Biden คนใดคนหนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี นโยบายของพวกเขาเหล่านั้นย่อมมีอิทธิพลต่อชีวิตผู้ลี้ภัยในอเมริกาอย่างแน่นอน
หาก Trump ได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่ง นโยบายของผู้นำคนนี้คงจะไม่ให้การสนับสนุนผู้ลี้ภัยเท่าที่ควรเพราะ Trump มีความเห็นที่จะลดจำนวนผู้ลี้ภัยในประเทศให้น้อยลงและยังจำกัดสิทธิบางอย่างให้แก่ผู้ลี้ภัยในสหรัฐที่ยังไม่ได้รับสัญชาติ ซึ่งนโยบายของเขานั้นแตกต่างจาก Joe Biden เพราะ Joe Biden ให้ความสำคัญกับชีวิตผู้ลี้ภัย อีกทั้งเขายังเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีในสมัยประธานนาธิบดีโอบามา ดำรงตำแหน่งเป็นประธานนาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา
แน่นอนพรรคเดโมแครตที่ Joe Biden สังกัดนั้นมีจำนวนสมาชิกที่เป็นชนพื้นเมืองค่อนข้างมากซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับคนที่มีเชื้อชาติที่ต่างกัน ซึ่งแตกต่างจากพรรคริพับริกันที่ Trump สังกัดอยู่ที่จำนวนสมาชิกพรรคนั้นแทบจะไม่มีคนพื้นเมืองชาวอเมริกันหรือคนอเมริกันเชื้อสายอื่นเลย
Ms.Rebecca Jarvis ยังได้เล่าอีกว่างบประมาณที่ให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในอเมริกาแต่ละปีส่วนใหญ่มักจะมาจากพรรคเดโมแครต มีงบประมาณส่วนน้อยที่มาจากความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่มาจากพรรคริพับริกัน ซึ่งงบประมาณเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าใครให้การสนับสนุนคนลี้ภัยมากกว่ากัน
สุดท้ายไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ชีวิตของผู้ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกาย่อมจะได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
author
