เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ม.ค. 2557 ที่ผ่านมา ภาคประชาสังคมชายแดนใต้ร่วมกันจัดงาน Pesta Patani : Masyarakat Madani หรือ “ถอดบทเรียน 10 ปีภาคประชาสังคม” ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี มีองค์ภาคประชาสังคมในพื้นที่อาทิเช่น สถานีวิทยุมีเดียสลาตัน เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ หนังสือพิมพ์ซีนารัน ปาตานีฟอรั่ม ร้านหนังสือบูคู เครือข่ายชาวไทยพุทธสนับสนุนสันติภาพชายแดนใต้ สถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ เครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรง สมาคมผู้หญิงเพื่อสันติภาพ องค์การบริหารนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม มูลนิธิศูนย์ประสานงานตาดีกาจังหวัดชายแดนภาคใต้ฯแต่สิ่งที่นาสนใจในพื้นที่นี้คือเสียงสะท้อนและการปรากฎตัวของพี่น้องไทยพุทธในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ละม้าย มานะการตัวแทนพี่น้องไทยพุทธกล่าวว่า สิบปีที่ผ่านมาเราสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินค่อนข้างมหาศาลที่สำคัญคือสูญเสียความไว้วางใจสูญเสียซึ่งความสัมพันธ์ที่มีต่อกันและหวาดระแวงซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากถ้าพื้นที่มีความหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจกันก็จะมีปัญหาต่อการสร้างความมั่นคนในชีวิตในพื้นที่นี้
และจริงๆแล้วพี่น้องไทยพุทธก็ทำกิจกรรมในพื้นที่เล็กๆของเขาอยู่แล้วเช่นถ้าเขาเป็นเกษตรกรเขาทำนาด้วยกันกับพี่น้องมุสลิมเขามองว่าการทำงานร่วมกันการสร้างความสัมพันธ์โดยการทำมากินด้วยกันในพื้นที่เป็นวิถีชีวิตที่ทำด้วยกันอยู่แล้วแต่ว่าไม่ได้ออกมาส่งเสียงในเรื่องของสันติภาพที่เป็นมุมมองของสันติภาพที่เขาพูดกันทั่วไปแต่เราคิดว่าตอนนี้สิบปีมันเกินพอกับการสูญเสียมากพอแล้วความกล้าก็มาความกลัวก็หายไปคิดว่าจะมีบทบาทในการออกแบบบ้านเมืองร่วมกัน ถ้าทำอะไรได้ก็จะทำด้วยกันเพื่อที่จะทำให้สันติภาพมาเร็วขึ้นและกล้าออกมาแสดงตัวและก็เรารวมตัวที่จะเป็นเครือข่ายค่อนข้างที่จะเป็นปรึกแผ่นและเราคิดว่าเราจะหาองค์ความรู้ที่จะร่วมมือกันทำงานในเรื่องนี้ต่อไป
และคิดว่า พื้นที่ของการทำงานมันมีที่ปลอดภัยตัวเองก็ทำงานมาสิบปีและคิดว่าปลอดภัย เราก็ตั่งมั่นในฐานะคนไทยพุทธเราทำดีก็ต้องได้ดีและพื้นที่ความปลอดภัยมันเปิดมากในสองสามปีที่ผ่านมาทางเจ้าห้าที่ทหารเองเขาก็พยายามที่จะดูแลความปลอดภัยกับคนไทยพุทธเป็นพิเศษอยู่เหมือนกัน คิดว่าพื้นที่ปลอดภัยในการส่งเสียงฝ่ายขบวนการก็ยังมาเปิดเผยตัวเองเพื่อที่จะเจรจาสันติภาพคิดว่าคนไทยพุทธออกมา ออกมาแน่นอนเพราะฉะนั้นค่อยๆสร้างความเป็นเพื่อนสร้างความไว้วางใจ พี่น้องมุสลิมก็จะต้องทำหน้าที่ที่จะชวนคนพี่น้องไทยพุทธด้วย เพราะว่าพี่น้องมุสลิมทำหน้าที่ดูและพี่น้องไทยพุทธซึ่งมีน้อยดูแลได้ดีเขาก็จะมีความกล้าหารที่จะออกมาทำงานด้วยกัน
ละม้าย มานะยังกล่าวต่ออีกว่าทิศทางที่เราจะเดินหน้าต่อไป ช่วงจังหวะแรกเราจะไปคุยกับพี่น้องชาไทยพุทธที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆซึ่งมีจำนวนน้อยก่อนว่าเขาคิดอย่างไรและอยากฟังเสียงก่อนว่ามีบทบาทอย่างไรและถ้าเสียงเขาออกมาอย่างไรเราคงต้องดูแผนงานที่จะทำร่วมกันแต่ในเชิงที่จะเป็นทีมกลางก็จะทำงานร่วมกันระหว่างคนที่เป็นพุทธและมุสลิม และเชื่อสายจีนคงจะทำงานร่วมกันในบทบาทที่เขาต้องการและบทบาทที่ร่วมกันกำหนดกันในอนาคตและคิดว่าอย่างไรก็ตามภาคประชาสังคมจะต้องจับมือกันไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไดหรือเชื่อชาติไดเพราะว่าเราสูญเสียด้วยกัน
นายรักษ์ชาติ สุวรรณ์ ประธานชุมชนพุทธกลุ่มน้อย กล่าวว่า ในส่วนเหตุการณ์สิบปีที่ผ่านมามีผลกระทบทั้งคนพุทธและมุสลิมในช่วงเหตุการณ์เลี่ยงคนคนพุทธค่อนข้างจะน้อยไม่ว่าจะเป็นเวทีที่ทำขึ้นไม่ว่าจะเป็นเวทีสันติภาพเวที่เกี่ยวกับอะไรต่างๆส่วนมากเป็นเวทีของพี่น้องมุสลิมเยอะเวทีของคนพุทธแทบจะไม่มี เวทีของพี่น้องพุทธพึ่งจะเริ่มไม่ว่าจะเป็นชุมชนพุทธกลุ่มน้อย หรือเครือข่ายของคนพุทธก็ดีมองว่าพึ่งเริ่มที่จะเดินยังต้องสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องคนพุทธอีกเยอะถึงจะเดินไปพร้อมกันทั้งพุทธและมุสลิมได้
ในการพูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพที่เริมมาส่วนใหญ่จะเป็นพี่น้องมุสลิมในการการพูดคุย พี่น้องพุทธถามว่าต้องอยู่ในเวทีตรงนั้นด้วยไหมในเมื่อสามจังหวัดสี่อำเภอเราอยู่กันมามีทั้งไทยพุทธมุสลิมในเวทีเหล่านี้ในขบวนรถไฟนี้จะมีคนพุทธเข้าไปอยู่ด้วยในขบวนด้วย เหมือนกับการออกแบบ้านเองโดยคนอานไม่มีส่วนร่วมบ้านสร้างเสร็จส่วนคนที่ไม่ได้ออกแบบบ้านเขาก็จะอยู่แบบอึดอัด ไทยพุทธเริ่มที่จะมีขบวนการเหล่านี้ขึ้นมา เวทีนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ได้จัดขึ้นแบบเปิดเผยพี่น้องไทยพุทธบางส่วนยังไม่กล้าที่จะเข้ามาในเวทีเหล่านี้จะเห็นไทยว่ามีพี่น้องพุทธไม่กี่คนจะทำอย่างไรให้เวทีแบบนี้มีพี่น้องพุทธสามารถเขามานั่งฟังและกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นได้ตรงนี้ต้องเป็นงานที่ต้องเป็นงานที่เราต้องร่วมมือกันทำทั้งพุทธมุสลิมร่วมมือที่จะเปิดจะรับฟังกัน นายรักษ์ชาติ สุวรรณ์ กล่าว