ทนายคดีชัยภูมิขอให้แยกแยะคดีวิสามัญกับคดียาเสพติด หลังตำรวจภาค 5 นำทีมตรวจค้นบ้านกองผักปิ้ง จับกุมญาติชัยภูมิ ระบุต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเชื่อมโยงกันหรือไม่ ส่วนคดีวิสามัญตั้งประเด็นทำเกินกว่าเหตุ ย้ำต่อให้ผิดจริงก็ต้องมีสิทธิเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ตัดตอน
เช้ามืดวันนี้ (29 พ.ย.2560) เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร นำโดย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำกำลังผสมตำรวจ ทหาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปรามปรามยาเสพติดภาค 5 เข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายยาเสพติด พื้นที่ สภ.นาหวาย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ กว่า 80 จุด
ในจุดบ้านกองผักปิ้ง หมู่ 13 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำทีมเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 9 หลัง หนึ่งในนั้นคือบ้านของนายไมตรี จำเริญสุขสกุล ประธานกลุ่มรักษ์ลาหู่ ซึ่งเคยดูแลนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ ที่ด่านรินหลวง ไปเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560 ขณะเข้าตรวจค้นบ้านนายไมตรีไม่อยู่บ้าน เนื่องจากอยู่ระหว่างเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อพบกับผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ
เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 5 คน โดยมี น้าสาวของนายชัยภูมิ ป่าแส และน้องสะใภ้นายไมตรีรวมอยู่ด้วย และมีรายงานข่าวว่าจะนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ในช่วงบ่าย
ระหว่างการติดตามข่าวของสื่อมวลชน ได้รับแจ้งว่า การแถลงข่าวจะเป็นการแถลงผลการตรวจจับยาเสพติดในพื้นที่ อ.เชียงดาว โดยมีของกลางเป็นยาบ้าจำนวนมาก แต่ไม่ระบุว่าจะแถลงข่าวในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายชัยภูมิ
อย่างไรก็ตาม ได้มีสื่อมวลชนรายงานข่าวเบื้องต้นว่าการจับกุมญาติของนายชัยภูมิ เนื่องจากถูกระบุว่าเป็นผู้นำยาบ้าไปส่งให้กับนายชัยภูมิก่อนจะถูกวิสามัญ (เว็บข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.dailynews.co.th/regional/576661 )
ด้านนายไมตรี จำเริญสุขสกุล นักกิจกรรมกลุ่มรักษ์ลาหู่ โพสต์เฟสบุ๊คตั้งคำถามถึงการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ พร้อมกับเเสดงความเสียใจที่ช่วงเกิดเหตุเขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน
นายสุมิตรชัย หัตถสาร ทนายผู้ดูแลคดีของนายชัยภูมิ ป่าเเส ระบุถึงการเข้าไปตรวจค้นพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ในวันนี้ว่า ต้องดูข้อเท็จจริงก่อนว่าการเข้าตรวจค้นจับกุมคดียาเสพติดในหลายจุดวันนี้ จะโยงเข้ามาที่คดีของชัยภูมิหรือโยงกับเหตุการณ์ในวันที่ชัยภูมิถูกวิสามัญฯ หรือไม่ แม้ว่าผู้ถูกจับกุมจะเป็นผู้ใกล้ชิดกับชัยภูมิก็ต้องดูข้อเท็จจริงและหลักฐานก่อน โดยการเข้ามาช่วยเหลือในทางคดีครั้งนี้ ตนเองมองเรื่องการถูกวิสามัญฯ ที่อาจดำเนินการเกินกว่าเหตุความเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งสังคมกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่
ส่วนประเด็นเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องที่ซับซ้อนในพื้นที่อยู่แล้ว จะต้องดูข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับนายชัยภูมิมากเเค่ไหน ต้องรอดูเจ้าหน้าที่ตำรวจเเถลง พยานหลักฐานตรวจค้นจับกุมว่ามีอะไร และโยงไปถึงกรณีของนายชัยภูมิแค่ไหน
“คดียาเสพติดจะมีเส้นทางของมัน ชัยภูมิเสียชีวิตไปแล้ว ข้อหายาเสพติดจบไปกับชีวิตของเขา จะมีคนอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร ก็ต้องดูพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ว่าเกี่ยวกับเรื่องวันนั้นหรือไม่ แต่ไม่เกี่ยวกับการที่นายชัยภูมิถูกวิสามัญฯ เพราะต่อให้เขาเป็นผู้ค้า การวิสามัญฯ ถูกต้องหรือไม่ นี่เป็นอีกกระบวนการหนึ่ง อย่าเอามาโยงกันมิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่าชัยภูมิสมควรที่จะถูกวิสามัญฯ เพราะค้ายาเสพติด ซึ่งอาจจะไม่ใช่ และต่อให้ผิดจริง ก็ต้องมีสิทธิที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้กฏหมายดำเนินไป ไม่ใช่ตัดตอน”
สำหรับความคืบหน้าคดีของชัยภูมิ นายสุมิตรชัยให้ข้อมูลว่า หลังจากที่ทีมทนายได้เข้ายื่นร้องขอต่ออัยการภาค 5 ให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมและพิสูจน์ร่างชัยภูมิอีกครั้งนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรอกระบวนการอัยการว่าจะสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ จะยื่นต่อศาลให้ไต่สวนเมื่อใด โดยต้องให้เวลาอัยการดำเนินการตามหนังสือร้องในระยะเวลา 30 วัน และขยายระยะเวลาได้รวมเป็น 90 วัน จะต้องดูอีกสักระยะจะไปติดตามอีกทีว่ามีดุลพินิจตามที่เราได้เสนอไปหรือไม่ ถ้าไม่ทำเราก็มีสิทธิ์ที่จะนำเสนอต่อศาลได้