โปรดเตรียมความดีให้พอดีสำหรับค่าผ่านทาง

โปรดเตรียมความดีให้พอดีสำหรับค่าผ่านทาง

goodness

คอลัมน์: คิดริมทาง เรื่อง: ปกรณ์ อารีกุล ภาพ: อมรรัตน์ กุลประยงค์

 

สารภาพกันตามตรง ผมคิดว่าตนเองไม่ใช่คนดีสักเท่าใด และหากจะเทียบค่าของความดีที่เคยทำ หักลบกับส่วนต่างที่ไม่ดี ผลลัพธ์อาจออกมาติดลบ แต่อย่าเพิ่งนะครับ ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งคล้อยตามข้อความในสองบรรทัดนี้ จนกว่าจะอ่านบทความชิ้นนี้จบ

ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งเคยท่องคำปฏิญาณตนตอนเช้าหน้าแถวในโรงเรียนว่า “ข้าพเจ้าจะเทิดทูนไว้ซึ่งความดีทั้งหลาย” อันที่จริงจนถึงวันนี้ ผมยังรู้สึกเห็นด้วยว่าตนเองน้อมรับคำปฏิญาณนั้น เพียงแต่ว่าความดีทั้งหลายที่ผมเคยท่องเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว กับสิ่งที่ผมเทิดทูนอยู่ในตอนจิบกาแฟของเช้าวันนี้ ผมคิดว่ามันเป็นความดีคนละแบบกันครับ

การเป็นคนดีนั้นมันมีราคาที่ต้องจ่ายนะครับ คือหมายถึงว่าในบางครั้งการจะเลือกที่จะทำความดีนั้นมันมีต้นทุนที่เราจ่ายมากกว่าการทำความไม่ดี(ความเลว)

เช่นว่า โจรคนหนึ่งถ้าเขามีต้นทุนทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมมากพอที่จะมีชีวิตที่ดี มีการศึกษาที่ดี บางทีเขาอาจไม่เลือกเป็นโจร และที่เขาเลือกต้องเลือกเป็นโจร ก็เพราะว่าการเทิดทูนซึ่งความดีทั้งหลายอย่างที่ผมท่องในคำปฏิญาณตนนั้น มันไม่พอจะกิน

โอเค ท่านผู้อ่านอาจเถียงว่า ผลที่ตามมาของการเป็นโจร ก็มีต้นทุนที่ต้องจ่ายเหมือนกัน ในแง่ที่อาจจะต้องหลบหนี ติดคุก หรือการเสี่ยงที่จะถูกตำรวจยิงตาย

แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นหนัง นั่นก็เป็นฉากจบตามแบบฉบับละครไทย คือผู้ร้ายมักต้องตาย คนเลวไม่ควรมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครไปนั่งนึกถึงสาเหตุว่าไอ้ตัวโกงในหนัง ทำไมมึงถึงเริ่มต้นเป็นโจร

ดังนั้นผมคิดว่าคนเราจะเป็นคนดีได้แค่ไหน ขึ้นกับว่าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหนด้วย และคนเราจะเป็นคนดีตลอดไปได้หรือไม่นั้น บางทีมันก็อยู่ที่ว่าใครเป็นคนตัดสิน

ตัวอย่างบนท้องถนนในกรุงเทพมหานคร น่าจะพอบอกเล่าปรากฏการณ์บางอย่างได้

ทุกครั้งที่เราขับรถออกจากบ้านก็ตั้งใจว่าเราจะไม่ทำผิดกฎจราจร ในแง่ที่เรายอมรับว่ามันคือมาตรฐานความดีของสังคมอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข แต่ขณะเดียวกัน เราเองนั่นแหละที่มักจะจอดในที่ห้ามจอด แล้วก็ผ่อนคลายอธิบายตัวเองว่าจอดครู่เดียว เดี๋ยวก็ไป

หลายครั้งที่เราเปลี่ยนเลนถนนในช่วงเส้นทึบ เพราะมองหน้ามองหลังแล้วก็ไม่มีรถคันอื่นในระยะประชิด คือรู้สึกว่ามันเปลี่ยนเลนได้ แม้ว่ากฎจราจรจะห้าม เพราะว่าถนนมันโล่ง

แทบทุกครั้งที่เราพยายามรีบผ่านสี่แยก ในขณะที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ทั้งๆ ที่เราควรเตรียมหยุดระมัดระวังเพราะสัญญาณไฟกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีแดง

ถ้าคนดีทุกคนควรเป็นผู้เคารพกฎจราจร บนหลักการที่ต้องย้ำอีกครั้งว่า มันจะทำให้พวกเราอยู่บนถนนอย่างปกติสุข ผมคิดว่าหลายครั้งเราอาจกลายเป็นคนไม่ค่อยดีนักเมื่อเราทำผิดกฎจราจร

เพราะหนึ่งวินาทีที่เราคิดว่ามันเป็นเวลาแค่ครู่เดียว การจอดในที่ห้ามจอด อาจส่งผลให้รถติดเพิ่มขึ้นในหลายๆ นาที และอาจสะสมเป็นเวลานับชั่วโมงได้ หากคุณหยุดรถในที่ห้ามจอดแล้วดันมีรถอีกคันมาชนท้าย

ในช่วงที่ประเทศของเราพยายามปฏิรูปการเมืองด้วยการเปลี่ยนประชาชนเป็นพลเมือง ผมคิดเอาเองว่า ความหมายของคำว่าพลเมืองนั้น มีลักษณะของความกระตือรือร้นที่จะรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากกว่าคำว่าประชาชน (ซึ่งเพียงแค่รักษาสิทธิของตัวเองก็อาจจะยากแล้วสำหรับบางคน)

ผมจึงคิดว่าบางทีพลเมืองต้องทำให้ได้มากกว่าการเคารพกฎจราจร ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นการเตรียมเงินให้พอดีกับค่าผ่านทางในทุกครั้งที่เราใช้บริการทางพิเศษหรือทางด่วน

หลายครั้งท่านผู้อ่านอาจพบว่าที่เราต้องต่อแถวรอนานเวลาก่อนขึ้นทางด่วน ก็เพราะว่าไอ้รถคันข้างหน้ายังไม่ได้รับเงินทอนจากพนักงานเก็บเงิน ถ้าวันไหนดวงดี เจอแบงก์พันก่อนหน้าเราสัก 3-4 คัน ผมคิดว่ากว่าที่รถของเราจะไปถึงจุดจ่ายเงิน ก็ใช้เวลาเป็นนาทีแล้ว

ที่นี้พอมาถึงรถคันของเรา ถ้าเรายังไม่เตรียมเงินให้พอดีกับค่าผ่านทางอีก เพราะมัวแต่บ่นรถคันข้างหน้า เวลาก็จะถูกทดนับเพิ่มให้รถคันข้างหลังเรา

เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นซ้ำๆ กับผม จนวันหนึ่งผมก็ตระหนักว่า “การเตรียมเงินให้พอดีกับค่าผ่านทาง”น่าจะเป็นเรื่องที่เราช่วยให้รถติดได้น้อยลง และเราเองทำได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนของความดีอะไรมากมายนัก นี่น่าจะเป็นสิ่งที่สามัญชนคนธรรมดาผู้อยากเห็นบ้านเมืองนี้ถูกปฏิรูป สมควรที่จะเริ่มปฏิรูปตัวเองจากประชาชนผู้ที่พยายามจะเคารพกฎหมายสู่การเป็นพลเมืองที่พยายามจะกระตือรือร้นให้สังคมอยู่กันอย่างปกติสุข

การปฏิรูปตัวเองก่อนไปปฏิรูปสังคม เป็นข้อความที่ผมพยายามย้ำกับคนรอบข้าง และเขียนคำนี้หลายครั้งในงานเขียนของตัวเอง

ในโอกาสที่เว็บไซต์ After Shake กำลังจะแปรเปลี่ยนตนเองไปเป็นสิ่งอื่น ก็ปล่อยให้การร่ำลาเป็นภาระหน้าที่ของบรรณาธิการเถอะครับ

ผมคงแค่ขอทิ้งท้ายว่าการเริ่มที่ตนเองก่อนไม่ยากเลย คือต้องทำความเข้าใจเรื่องความคิดรวบยอด(Concept) ของความดีเสียใหม่ อย่าให้เราเป็นผู้ผูกขาดความดีไว้เสียเอง การผลักคนอื่นให้อยู่ฝั่งที่ดีน้อยกว่าเราไม่ได้ทำให้สังคมปกติสุขขึ้นหรอกครับ

หากว่าท่านยังคงเทิดทูนไว้ซึ่งความดีทั้งหลาย ขอได้โปรดเตรียมความดีให้พอดีกับค่าผ่านทาง เพราะถ้าจ่ายแพงไป ขบวนรถของผู้อยากจ่ายความดีที่ต่อแถวอยู่ ต้องรอนานนะครับ กว่าท่านจะได้ความดีทอนกลับมาครบ

แล้วเราจะพบกันใหม่

อ้างอิงไม่มี การผูกขาดความดีก็เช่นกัน

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

Prev

June 2025

Next

Mon

Tue

Wed

Thu

Fri

Sat

Sun

26
27
28
29
30
31
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
1
2
3
4
5
6

8 June 2025

Nothing to show.

เข้าสู่ระบบ