พบน้ำสีดำกลิ่นเหม็นรุนแรงที่ปลายท่อบริเวณแปลงปลูกยูคาลิปตัสของบริษัทกระดาษยี่ห้อดัง ลือเป็นท่อปล่อยน้ำทิ้งที่บำบัดแล้วของสวนอุตสาหกรรม 304 ชาวบ้านห่วงไหลลงสู่แควระบมต้นน้ำบางปะกง สร้างความเสียหายให้กับคนท้ายน้ำ ทั้งกังวลสารปรอทปนเปื้อน ร้องผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา-ปราจีนบุรี เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
20 ต.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระอาทร ปัญญาปทีโป รองเจ้าอาวาสวัดท่าไม้แดง หมู่ 3 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา แจ้งข้อมูลว่า ขณะนี้พบน้ำสีดำกลิ่นเหม็นรุนแรงที่ปลายท่อบริเวณแปลงปลูกยูคาลิปตัสของบริษัทกระดาษยี่ห้อดัง ที่บ้านหว้าเอน ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ท่อปล่อยน้ำนี้ มีการบอกเล่าต่อๆ กันมาว่า เป็นท่อปล่อยน้ำทิ้งที่บำบัดแล้ว ของสวนอุตสาหกรรม 304 ที่ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี มาปล่อยลงที่ดินแปลงดังกล่าว
ชาวบ้านห่วงกังวลว่าน้ำเสียนี้จะไหลลงสู่แควระบมต้นน้ำบางปะกง แล้วจะสร้างความเสียหายมากมายให้กับคนที่อยู่ท้ายน้ำ และอาจเกิดปัญหาต่อสุขภาพของชาวบ้านผู้ใช้น้ำและผู้บริโภคสัตว์น้ำ อีกทั้งกังวลว่าในน้ำเสียนั้นอาจมีสารปรอทปนเปื้อนอยู่ด้วย เพราะเคยมีรายงานการศึกษาของมูลนิธิบูรณะนิเวศ ว่าพบสารปรอทตกค้างในเนื้อปลา และในเส้นผมของชาวบ้านท่าตูม ที่อยู่รอบสวนอุตสาหกรรม 304 จึงร้องขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราและผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีมาตรวจสอบ
“ความจริงเครือข่ายเราได้รับแจ้งเรื่องน้ำสีดำกลิ่นเหม็นรุนแรงนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว และอาตมาได้แจ้งไปยังทหารพัน.สห.12 มทบ.12 ค่ายจักรพงษ์ จ.ปราจีนบุรี ขอให้ช่วยประสานหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบและเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบโดยด่วน แต่ผ่านไปหลายวันแล้ว ก็ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด” พระอาทร ปัญญาปทีโปกล่าว
รองเจ้าอาวาสวัดท่าไม้แดง กล่าวเพิ่มเติมว่า มีเสียงเล่าลือหนาหูว่า เหตุครั้งนี้ เกิดจากบ่อบำบัดน้ำเสียของสวนอุตสาหกรรมเต็ม จึงมีการปล่อยน้ำเสียนี้ออกมา เรื่องนี้เท็จจริงประการใด และท่อน้ำทิ้งนี้เป็นของสวนอุตสาหกรรม 304 จริงหรือไม่ เพราะสวนอุตสาหกรรมตั้งอยู่ที่ ต.ท่าตูม แต่ท่อน้ำทิ้งมาโผล่ที่บ้านหว้าเอนซึ่งอยู่ห่างกันเกือบ 30 กิโลเมตร ได้อย่างไร อยากให้มีการตรวจสอบประเด็นเหล่านี้ให้แน่ชัด ซึ่งผู้ที่จะตรวจสอบได้คือหน่วยราชการเท่านั้น
พระอาทร ให้ข้อมูลด้วยว่า นอกจากจุดปล่อยน้ำทิ้งที่บ้านหว้าเอนนี้แล้ว เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีก คือมีน้ำสีดำกลิ่นเหม็นรุนแรง ถูกปล่อยเข้าแปลงปลูกยูคาอีกเช่นกัน โดยเหตุเกิดที่สวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียลปาร์ค 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา แต่เหตุการณ์ดังกล่าว ทหารในพื้นที่ได้เข้ามาตรวจสอบแล้วแจ้งว่าเป็นการปล่อยน้ำเสียเข้าพื้นที่ของบริษัทเอง จึงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะน้ำนั้น ยังไม่ออกสู่ภายนอกพื้นที่ แต่ก็ยังคงห่วงกังวลว่าน้ำเสียนั้นจะสามารถซึมเข้าสู่แหล่งน้ำสาธารณะสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมได้
“อาตมาห่วงใยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาจากทั้งสองเหตุการณ์นี้ ว่าจะมีผลกระทบต่อชาวบ้านที่อยู่รอบพื้นที่ และชาวบ้านที่ต้องทำอยู่ทำกินโดยอาศัยน้ำจากน้ำแควระบมและแม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิตนี้ จึงขอวิงวอนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งจังหวัดฉะเชิงเทราและปราจีนบุรี ให้ความสำคัญ ลงมาตรวจสอบว่าเหตุการณ์นี้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่ อยากให้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบด้วยว่ามีสารพิษอยู่หรือไม่ และช่วยหาทางป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นได้อีกในอนาคต” พระอาทรกล่าว