องค์กรประชากรข้ามชาติจี้สอบเหตุวิสามัญโรฮิงญา ชี้ ‘กักตัวไม่มีกำหนด’ ความล้มเหลวการใช้ กม.

องค์กรประชากรข้ามชาติจี้สอบเหตุวิสามัญโรฮิงญา ชี้ ‘กักตัวไม่มีกำหนด’ ความล้มเหลวการใช้ กม.

เครือข่ายด้านประชากรข้ามชาติและผู้ลี้ภัย ออกแถลงการณ์ เรียกร้องขอให้ยุติการกักขังบุคคลหรือผู้แสวงหาที่ลี้ภัยโดยไม่มีกำหนด และให้มีการสอบสวนกรณีวิสามัญฆาตกรรมชาวโรฮิงญาที่ จ.พังงาอย่างอิสระ ชี้กรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความล้มเหลวในการบังคับใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ที่ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

20162505021235.jpg

24 พ.ค. 2559 เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group) และเครือข่ายสิทธิผู้ลี้ภัยและคนไร้รัฐ (Coalition for the Rights of Refugees and Stateless Persons) เผยแพร่แถลงการณ์ เรียกร้องขอให้ยุติการกักขังบุคคลหรือผู้แสวงหาที่ลี้ภัยโดยไม่มีกำหนด และให้มีการสอบสวนกรณีวิสามัญฆาตกรรมชาวโรฮิงญาที่ จ.พังงาอย่างอิสระ 

จากเหตุการณ์ชาวโรฮิงญา 21 คน หลบหนีจากห้องกักตัวของสำนักตรวจคนเข้าเมือง จ.พังงา โดยขณะเข้าควบคุมตัว เจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตรกรรมชาวโรฮิงญาไป 1 ราย โดยอ้างว่าเป็นไปเพื่อการป้องกันตนเอง

แถลงการณ์
เรียกร้องขอให้ยุติการกักขังบุคคลหรือผู้แสวงหาที่ลี้ภัยโดยไม่มีกำหนด
และให้มีการสอบสวนกรณีวิสามัญฆาตกรรมชาวโรฮิงญาที่จังหวัดพังงาอย่างอิสระ

ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่าเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลาประมาณ 01.00 นาฬิกา ได้เกิดเหตุการณ์ที่ชาวโรฮิงญา ซึ่งอยู่ในห้องกัก ภายใต้การควบคุมของสำนักตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงา ได้พยายามหลบหนีออกจากห้องกัก ซึ่งต่อมาทางพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวกลับมาได้จำนวน 5 คนในวันต่อมา แต่พบว่าในขณะที่มีการพยายามควบคุมตัวผู้ที่หลบหนีนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการวิสามัญฆาตรกรรมชาวโรฮิงญาไปหนึ่งราย โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันตน

เครือข่ายประชากรข้ามชาติซึ่งเป็นเครือข่ายฯ ในการติดตามการดำเนินนโยบายของรัฐในการบริหารจัดการด้านแรงงานข้ามชาติ รวมทั้งสถานการณ์ของการเข้าเมืองของชาวโรฮิงญาในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ พบว่า ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้มีความพยายามในการดำเนินการกวาดล้างกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายคนอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่จับตามองเรื่องการแก้ไขจัดการปัญหาด้านการค้ามนุษย์ คือกรณีการพบศพนิรนามมากกว่า 30 ศพ ที่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และมีการขยายผลการสอบสวนทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและดำเนินคดีแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์มากกว่า 80 ราย ซึ่งคดียังอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลอาญา กรุงเทพมหานคร

อย่างไรก็ตามยังมีชาวโรฮิงญาบางส่วนที่ไม่ได้รับการปฏิบัติในฐานะการเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ที่จะต้องถูกดำเนินคดีภายใต้พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและถูกควบคุมอยู่ในห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของเครือข่ายฯ พบว่า ห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหลายแห่งไม่ได้เหมาะสมต่อการควบคุมบุคคลผู้ต้องกักเป็นระยะเวลานาน ผู้ต้องกักหลายรายมีสภาพกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาทางระบบหายใจ ระบบทางเดินอาหาร มีการกักขังเด็กและเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 4-18 ปี มีอย่างน้อยหนึ่งกรณีที่ เป็นเด็กชายอายุ 4 ขวบเสียจากความเจ็บป่วยในระหว่างที่อยู่ในห้องกัก การกักตัวมากกว่า 12 เดือนจนถึง 2 ปี ซึ่งทำให้เกิดความเครียดย่อมเปิดช่องทางให้ขบวนการค้ามนุษย์ กลุ่มนายหน้าเข้าไปแสวงหาโอกาสในการดำเนินการได้มากขึ้น

ทางเครือข่ายฯ เห็นว่า “การกักตัวเพื่อรอการผลักดันกลับ” ที่ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองเช่นนี้ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความความพยายามหลบหนีออกจากสถานที่ควบคุมตัวของผู้ต้องกัก กระทั่งมีการวิสามัญฆาตกรรมต่อบุคคลที่พยายามหลบหนี กรณีที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงความล้มเหลวในการบังคับใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองของรัฐที่ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างที่สุดเครือข่ายฯ รวมทั้งองค์กรและรายชื่อบุคคลแนบท้าย จึงขอเรียกร้องต่อรัฐไทยในการดำเนินมาตรการ ดังต่อไปนี้โดยเร่งด่วน 

1. ยุติการกักขังชาวโรฮิงยาจำนวนมากกว่า 400 คนที่ดำเนินการมามากกว่า 12 เดือน และให้ใช้การควบคุมตัวภายนอกห้องกักภายใต้อำนาจตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง มาตรา 54 ในการให้ประกันภายใต้เงื่อนไข หรือมาตรา 17 ในการผ่อนผันอยู่ในประเทศ โดยคำนึงถึงการเป็นบุคคลที่แสวงหาที่ลี้ภัย / ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่ไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้

2. ยุติการกักขังเด็กและเยาวชนที่เดินทางเข้ามาในประเทศพร้อมกับผู้ปกครอง หรือเดินทางเข้ามาคนเดียว และให้ดำเนินการปกป้องและคุ้มครองที่เหมาะสมภายใต้พระราชบัญญัติเด็กแห่งชาติ พ.ศ.2546

3. ให้ดำเนินการตรวจสอบเหตุวิสามัญชาวโรฮิงยา โดยหน่วยงานภายนอกหรือคณะทำงานที่เป็นอิสระจากหน่วยงานที่รับผิดชอบปฏิบัติการดังกล่าว และให้ดำเนินการไต่สวนการเสียชีวิตตามมาตรา 150 ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ทั้งนี้รัฐบาลควรประสานงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศและภาคประชาสังคมเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป

การกักขังอย่างไม่มีกำหนดคือการประหารชีวิตที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน

เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group)
เครือข่ายสิทธิผู้ลี้ภัยและคนไร้รัฐ (Coalition for the Rights of Refugees and Stateless Persons)

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

Prev

May 2025

Next

Mon

Tue

Wed

Thu

Fri

Sat

Sun

28
29
30
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
1

21 May 2025

Nothing to show.

เข้าสู่ระบบ