16 เม.ย. 2559 นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวชี้แจงหลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเรื่องน้ำสีดำคล้ำที่หาดป่าตอง ระบุไม่ได้เกิดจากปัญหาของระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลเมืองป่าตอง แต่เป็น ปรากฏการณ์ “สาหร่ายบลูม” ที่แพลงก์ตอนพืชรวมตัวกันจากสารอินทรีย์จากน้ำทิ้งของชุมชนในส่วนที่ไม่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย ประกอบกับอุณหภูมิ และแสงแดดที่เหมาะสม เผยเกิดขึ้นเป็นปกติ อีก 2-3 วัน น้ำทะเลจะกลับมาใส
จากกรณีที่ทีการเผยแพร่คลิปวีดิโอผ่านโซเชียลมีเดียเป็นภาพมุมสูงของเส้นทางน้ำซึ่งมีสีดำคล้ำผิดปกติจากบริเวณปากคลองปากบาง ถนนทวีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ไล่ขึ้นไปถึงโรงบำบัดน้ำเสีย โดยคลิปดังกล่าวถ่ายเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา
ที่มา: https://www.facebook.com/100011386152582/videos/231581897231347/
นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการลงดูสถานที่ได้รับทราบแล้วว่าเป็นการรวมตัวของแพลงก์ตอน เนื่องจากในช่วงนี้อาจมีน้ำเสียบางส่วนซึ่งไม่ได้อยู่ในระบบบำบัดของเทศบาลเมืองป่าตองประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ไหลมารวมกันกลายเป็นอาหารแพลงก์ตอน อีกทั้ง ช่วงนี้อากาศร้อนอุณหภูมิเป็นใจ ซึ่งการรวมตัวกันของแพลงก์ตอนทำให้น้ำทะเลบริเวณนี้ที่เดิมเป็นสีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล สภาพดังกล่าวเป็นสภาพชั่วคราว โดยน้ำทะเลจะกลับมาเป็นปกติในเวลาประมาณ 2-3 วัน และไม่ได้มีผลกระทบกับนักท่องเที่ยวซึ่งยังมีการเล่นน้ำเป็นปกติ
ส่วนระบบปกติของเทศบาลป่าตองยังดำเนินการได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคุณภาพน้ำเสียตรวจแล้วไม่เกินค่ามาตรฐาน
“ในส่วนของค่าน้ำทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ทางสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และทางกรมเจ้าท่าก็ได้มาตรวจเมื่อวานนี้ ค่า BOD ไม่เกิน 10 มิลลิกรัม/ลิตร และเพื่อความสะบายใจวันจันทร์ที่ 18 เม.ย.นี้จะให้เจ้าหน้าที่มาตรวจอีกครั้งหนึ่ง” รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าว
นายขจรเกียรติ กล่าวด้วยว่าแนวทางการแก้ไขปัญหา จะกำชับไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ใช้มาตรการกำชับไปยังโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือตลาด ในบริเวณใกล้เคียงที่มีการบำบัดอย่างไม่ถูกต้องให้จริงจัง เพื่อให้ปัญหาเกิดขึ้นน้อยลง อย่างไรก็ตามปัญหานี้เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว นอกจากนั้นทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ ซึ่งมีคณะกรรมการกำกับติดตามดูแลเรื่องนี้จะมีการลงมาติดตามตรวจสอบด้วย
สำหรับในส่วนน้ำเสีย 20 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่เข้าระบบนั้นเทศบาลฯ ได้ประสานจัดทำแผนเรียบร้อยแล้ว คาดว่าการกำจัดน้ำเสียก็คงจะดีขึ้น สวนที่นอกเหนือจากนั้นก็จะกำชับเพิ่มเติมไปอีก
ด้าน นางสาวบรรยง เก็บทรัพย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ชี้แจงว่าตัวเลข 20 เปอร์เซ็นต์นี้ เป็นน้ำเสียจากบ้านเรือนที่สร้างท้ายระบบบำบัดน้ำเสียลงสู่คลองจึงไม่ได้ผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย และตอนนี้เทศบาลเมืองป่าตองกำลังดำเนินการเรื่องระบบเพื่อรองรับน้ำเสียในส่วนนี้ให้ย้อนกลับเข้าสู่ระบบบำบัดอีกครั้ง ซึ่งมีการจัดจ้างไปแล้วและคาดว่าไม่เกิน 4 เดือนน่าจะเรียบร้อย พร้อมยืนยันว่าระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลป่าตองไม่ได้มีปัญหา
ขณะที่ ภาณุพงศ์ วาสะศิริ ผู้ดูแลโรงบำบัดน้ำเสียเทศบาลเมืองป่าตอง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ความสามารถสูงสุดที่ระบบบำบัดน้ำเสียปัจจุบันรองรับได้คือ 23,500 ลบ.ม./วัน และจะมีการขยายอีก 9,000 ลบ.ม. เพื่อรองรับความต้องการในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติงบก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีการวางแผนระยะยาวเพื่อให้รองรับน้ำเสียได้ไปอีก 20 ปี ซึ่งคาดว่ามีแหล่งน้ำเสียเกิดขึ้น 40,000 ลบ.ม.วัน
อีกส่วนหนึ่งคือระบบรวบรวมซึ่งรวบรวมน้ำเสียจากครัวเรือน ปัจจุบันรวบรวมได้ 80-90 เปอร์เซ็นต์เข้าสู่ระบบบำบัดแล้ว แต่ก็ยังมีน้ำเสียจากครัวเรือนบางส่วนที่ไม่เข้าสู่ระบบ เช่น อาคารและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในแผนดำเนินการทั้งหมด แต่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างโครงการซึ่งงบประมาณ 7.5 ล้านบาท โดยน้ำเสียจะมารวมกันที่คลองปากบางแล้วจะมีการดึงน้ำเสียเข้าสู่ระบบำบัด ทั้งนี้ตามที่ชี้แจงคืออีกประมาณ 4 เดือนจะก่อสร้างแล้วเสร็จ
ภาณุพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการตรวจวันน้ำในบ่อบำบัดน้ำเสีย มีการตรวจวัดทุกวัน และตรวจเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี โดยที่ผ่านมาไม่เคยพบว่าเป็นอัตราย และอยู่ในเกณฑ์ค่ามาตรฐานทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้บ่อบำบัดไม่ได้มีปัญหาอะไร อยากเชิญให้เข้าไปตรวจสอบได้ทุกจุดเพื่อดูคุณภาพน้ำได้
ดูคลิปแถลงข่าวที่: แฟนเพจคุยกันหลังไมค์