รายงานโดย: เดชา คำเบ้าเมือง
ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
วันที่ 26 ก.พ. 2558 หลังจากคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนประจำจังหวัดอุดรธานีจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อการปฏิรูปประเทศขึ้น ณ ห้องเวสสุวัณ ชั้น 3 สำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี ตั้งแต่เวลา 08.30 น.- 16.00 น. โดยมีตัวแทนกลุ่มองค์กรต่างๆ ในจังหวัดอุดรธานี อาทิ กลุ่มที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ภาคประชาสังคม สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าและนักธุรกิจในจังหวัด เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเสนอแนะประเด็นต่อการปฏิรูปประเทศ
แต่อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตจากผู้เข้าร่วมประชุมว่า เวทีรับฟังความคิดเห็นของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่จัดขึ้น ยังมีกติกาหรือข้อจำกัดที่ไม่สามารถเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มองค์กรในพื้นที่โดยเฉพาะองค์กรชาวบ้านที่เรียกร้องด้านสิทธิ ได้เข้าร่วมในเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็น
นายสันติภาพ ศิริวัฒนไพบูลย์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เปิดเผยว่า บรรยากาศในเวทีเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับผู้เข้าร่วมประชุมต่อการปฏิรูปประเทศ และบทบาทการทำงานของ สปช. หลังจากนั้นจึงเปิดโอกาสให้ตัวแทนจากแต่ละองค์กรได้แสดงความเห็น โดยผู้ที่จะแสดงความเห็นได้จะต้องลงชื่อเอาไว้ก่อนถึงจะมีสิทธิพูด
“มันเป็นเหมือนเวทีที่เปิดโอกาสให้กับกลุ่มที่สามารถเข้าถึงกลไกของรัฐและข้าราชการ เช่น นักธุรกิจ หรือผู้ประกอบการ ได้มาพูดเสนอตัวต่อสังคม ทว่าชาวบ้านอีกกลุ่มที่มีปัญหาความเดือดร้อน เรียกร้องด้านสิทธิ ไม่มีโอกาสได้พูด” นายสันติภาพกล่าว
นอกจากนี้นายสันติภาพ ยังกล่าวด้วยว่า ไม่มั่นใจว่าเนื้อหาและข้อเสนอแนะที่ได้จากการจัดเวทีรับฟังความเห็น จะสอดคล้องกับสภาพบริบทของสังคมอุดรฯ ในอนาคตข้างหน้าหรือไม่ เพราะผู้จัดคงต้องการองค์ประกอบที่มาจากทุกภาคส่วนให้ครบมากกว่าเน้นเรื่องเนื้อหาที่ได้ และตนคิดว่าเวทีปฏิรูปก็น่าจะมีธงเอาไว้แล้ว
และเขามีข้อเสนอแนะด้วยว่า “ควรให้เด็กๆ มาแสดงความคิดเห็นว่าอีก 20 ปีข้างหน้าเขาอยากเห็นสังคมไทยเป็นอย่างไร แล้วให้ผู้ใหญ่มารับฟังและทำตามฝันของเขา จะมีประโยชน์มากกว่าที่ให้ผู้ใหญ่มาพูดว่าสังคมควรเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งในอนาคตอีก 20 ปีก็ไม่รู้ว่าคนที่พูดจะยังอยู่ไหม”
ด้านนางมณี บุญรอด กรรมการกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า กลุ่มชาวบ้านไม่ได้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากเพิ่งจะได้รับหนังสือเชิญเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 24 ก.พ. แต่ในหนังสือแจ้งว่าให้มีการมอบหมายตัวแทนจำนวน 3 คนเข้าร่วมเวทีพร้อมส่งแบบตอบรับภายในวันที่ 23 ก.พ. นอกจากนี้ก็ให้กลุ่มจัดประชุมภายในองค์กรเพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับคำถามจำนวน 4 ข้อ ตามแบบฟอร์มที่ส่งมา และจัดทำสำเนาอีก 10 ชุด นำไปด้วย จึงไม่สามารถดำเนินการได้ทัน
“กลุ่มชาวบ้านถูกปิดกั้นในการแสดงความคิดเห็นมาโดยตลอด ไม่ว่าตั้งแต่เวทีปรองดองหรือเวทีปฏิรูปที่จัดไป แต่ขณะที่ฝ่ายบริษัทเหมืองแร่โปแตชได้เข้าไปพูดทุกเวที หรือแม้แต่ที่ผ่านมาการเดินทางจะเข้าไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดของกลุ่มชาวบ้านก็มีเจ้าหน้าที่พยายามเข้ามาสกัดทุกครั้ง ซึ่งพวกเราเป็นเพียงกลุ่มชาวบ้านอยากขอพื้นที่ในการเรียกร้องปัญหาและความเดือดร้อนเพื่อให้รัฐแก้ไขไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มการเมืองใด” นางมณีกล่าว